แนวทางในการเตรียมตัวสอบเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนสตรีสิริเกศ












ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

     การเริ่มต้นอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้าเรียนต่อไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียนไหนๆ น้องๆก็ควรเตรียมตัว เตรียมความรู้ให้พร้อมเพื่ออนาคตที่ดีของตัวน้องเองสำหรับการสอบเข้าโรงเรียนสตรีสิริเกศของน้องๆ
ชั้น ม.1 ก็ขอแนะนำให้น้องอ่านหนังสือ ทบทวนความรู้จากหนังสือเรียนที่น้องๆเรียนอยู่ในปัจจุบัน เพราะว่าเนื้อหาที่ออกข้อสอบก็ไม่ได้ไกลไปจากเนื้อหาของบทเรียนที่โรงเรียนสอนเพียงแค่น้องๆจะนำความรู้ที่มีมาใช้เป็นหรือไม่เก็บความรู้รอบตัว ข่าวสารบ้านเมืองในปัจจุบันให้ได้มากที่สุดบางคนคิดว่าการสอบเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนสตรีสิริเกศนั้นยากจริงๆแล้วมันไม่ได้ยากอย่างที่ทุกคนคิด หากเราเตรียมตัวมาดีขยัน หมั่นฝึกฝน ย้ำคิดย้ำทำ สิ่งที่ได้จากการฝึกฝนและพยายามมันดีเสมอในฐานะที่เป็นพี่น้องเลือดชมพู -ขาว พี่ก็อยากฝากให้น้องๆที่เข้ามาอ่านบทความทุกๆคนพยายาม ขยัน อดทน แข่งกับตัวเองให้ชนะตัวเองก่อน แล้วน้องจะชนะทุกอย่าง 

 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4  

     ก่อนอื่นน้องๆต้องตัดสินใจให้ได้ก่อนว่าน้องจะเลือกเรียนโครงสร้างไหนเพราะแต่ละโครงสร้างมีความแตกต่างในตัวมันซึ่งโรงเรียนสตรีสิริเกศจะแบ่งการเรียนของระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายออกเป็นโครงสร้าง ดังนี้

     1.โครงสร้างวิทย์ - คณิต        
ก็คือเนื้อหาที่เรียนเป็นหลักในโครงสร้างวิทย์ - คณิต ตามชื่อโครงสร้าง แล้วก็ต้องเป็นวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์อยู่แล้ว สำหรับโครงสร้างวิทย์ - คณิต ม.ปลายของโรงเรียนสตรีสิริเกศจะแบ่งเป็นส่วนหลักๆ ได้แก่ คณิตศาสตร์พื้นฐาน คณิตศาสตร์เพิ่มเติม ส่วนวิทยาศาสตร์ก็จะแบ่งแยกไปเป็น ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ โลกดาราศาสตร์ซึ่งแต่ละวิชาย่อยนั้นน้องๆก็ต้องเรียนทั้งภาคบรรยายในห้องเรียนและภาคปฏิบัติที่จะได้ทำการทดลองต่างๆอีกด้วย ทำให้จำนวนชั่วโมงเรียนและงานนั้นเยอะมาก ส่วนคณิตศาสตร์นั้นในระดับม.ปลายจะค่อนข้างแตกต่างและยากกว่าระดับม.ต้นค่อนข้างเยอะและปริมาณเนื้อหาคณิตศาสตร์ในระดับ ม.ปลายนั้นยังเยอะกว่า ม.ต้นมากอีกด้วยส่วนวิชาอื่นๆไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย สังคมศึกษา ภาษาอังกฤษ ศิลปะ พละ ภาษาต่างประเทศหรือภาษาที่ 2 (ญี่ปุ่น เวียดนาม ลาว เขมร)


     2.โครงสร้างศิลป์

ที่โรงเรียนสตรีสิริเกศจะแบ่งเป็น ศิลป์-คำนวณ ถ้าหากว่าเป็นศิลป์-คำนวณการเรียนจะเน้นหนักไปที่ 2 วิชาได้แก่ภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ โดยภาษาอังกฤษนั้นน้องๆจะได้เรียนอย่างละเอียดมากๆตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงระดับลึกเหมือนเรียนไวยกรณ์ภาษาไทยประมาณนั้นเลย ส่วนคณิตศาสตร์นั้นก็เป็นวิชาหลักอีกวิชาของโครงสร้างศิลป์-คำนวณ ซึ่งระดับความยากและความหนักนั้นอยู่ในระดับเดียวกับโครงสร้างวิทย์-คณิต ด้านวิชาอื่นๆเช่น วิทยาศาสตร์นั้นก็ยังมีเรียน แต่จำนวนชั่วโมงเรียนและความเข้มเข้นของเนื้อหาจะไม่เท่าโครงสร้างวิทย์-คณิต

     3.โครงสร้างศิลป์-ภาษา

ศิลป์-ภาษา ก็จะแบ่งเป็นศิลป์-จีน ศิลป์-ญี่ปุ่น การเรียนจะเน้นไปที่ภาษาอังกฤษ และภาษาที่ 2 ที่น้องๆเลือกเรียน ส่วนวิชาอื่นๆไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ ภาษาไทย สังคมก็จะลดความสำคัญลงไปประมาณหนึ่ง               



อ่านกันมาตั้งนาน ก็คงสงสัยแล้วว่าเราจะเลือกยังไง ถ้าน้องๆคนไหนยังคิดไม่ออกพี่มีคำแนะนำอย่างนี้ค่ะ    

      1. อยากเข้าคณะอะไร?     
ถ้าหากว่าน้องๆคนไหนรู้ตัวอยู่แล้วว่าอยากเข้าคณะอะไร การเลือกสายก็จะง่ายขึ้นเยอะเลย สำหรับคนที่อยากเข้าคณะที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์นั้นพี่แนะนำให้เลือกเรียนสายวิทย์-คณิต แม้ว่าบางคณะที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์จะเปิดโอกาสให้เด็กสายศิลป์ไปสอบเข้าได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามการที่น้องเรียนวิทย์-คณิตมานั้นโอกาสที่จะสอบเข้าได้ย่อมมากกว่าเด็กสายศิลป์อยู่แล้ว อีกทั้งคณะเหล่านี้ เมื่อเข้าไปเรียนแล้ววิชาที่เรียนส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้พื้นฐานความรู้เกี่ยวกับวิทย์-คณิตค่อนข้างเยอะ ดังนั้นเด็กสายวิทย์ย่อมได้เปรียบเมื่อเข้าไปเรียนด้วย ส่วนน้องๆที่อยากเข้าคณะทางด้านสายศิลป์โดยไม่เปลี่ยนใจแน่ๆแล้วละก็ เลือกเรียนสายศิลป์ไปดีกว่า เพราะการเรียนภาษาที่เข้มข้นกว่าสายวิทย์นั้นมีประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคตอย่างแน่นอน    

      2. ชอบวิชาอะไร?

ถ้าหากว่าชอบ วิทย์-คณิต ชอบการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ชอบการคำนวณ ชอบการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ ก็เลือกเรียนวิทย์-คณิต เพราะคนที่มีความชอบทางด้านนี้มีแนวโน้มที่จะเลือกเรียนต่อในคณะที่เกี่ยวข้องกับวิทย์-คณิต อีกทั้งการได้เรียนในสิ่งที่ชอบนั้นก็ไม่รู้สึกว่าหนักและเหนื่อยอีกด้วย ส่วนน้องๆที่ชอบด้านภาษา ไม่ชอบคำนวณ ไม่ชอบการทดลองทางวิทยาศาสตร์แล้วละก็ สายศิลป์ น่าจะเป็นคำตอบสำหรับน้องๆ เพราะเลือกเรียนสายวิทย์ไปนอกจากจะไม่มีความสุขแล้วยังอาจจะทำคะแนนออกมาได้ไม่ดี ทำให้เพิ่มความเครียดอีกด้วย 
  
      3. แต่ถ้าไม่รู้จริงๆ
ถ้าหากว่า คำถามด้านบนไม่สามารถให้ข้อสรุปแก่น้องๆได้ พี่แนะนำถ้าหากว่าน้องพอจะชอบ
วิทย์-คณิต อยู่บ้าง ทำวิทย์-คณิตได้ดีอยู่บ้าง และไม่ทุกข์มากที่จะต้องเรียนวิทย์-คณิต ก็เลือกเรียนวิทย์-คณิตไปก่อน เพราะแม้ว่าการเรียนวิทย์-คณิตนั้นจะหนักกว่าสายศิลป์ค่อนข้างมาก แต่โอกาสในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นหลากหลายกว่าสายศิลป์ ดังนั้นเมื่อถึงม.6ที่น้องๆต้องเลือกเรียนต่อโอกาสในการเลือกเรียนก็จะเยอะกว่าเด็กสายศิลป์ ส่วนน้องๆคนไหนที่รู้สึกว่าไม่ไหวจริงๆกับวิทย์-คณิต เรียนแล้วต้องทุกข์มากแน่ๆ ก็เลือกเรียนสายศิลป์ แม้ว่าโอกาสในการเลือกเรียนต่อจะน้อยกว่า แต่ก็ใช่ว่างานของเด็กสายศิลป์จะด้อยกว่าเด็กสายวิทย์      
         
     สุดท้ายนี้อยากจะฝากน้องๆให้คิดให้ดีๆก่อนเลือกสายการเรียน เพราะนี่คือตัวกำหนดคณะ ที่เราจะเรียนต่อ และงานที่เราจะทำในอนาคตได้เลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามใครที่เลือกสายผิดไปแล้วก็อย่าพึ่งคิดน้อยใจไป ขอให้หาข้อดีของสายนั้นๆให้เจอแล้วนำข้อดีนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพราะแต่ละสายก็มีข้อดีที่แตกต่างกันอยู่ทั้งคู่

ความคิดเห็น

  1. ไม่ระบุชื่อ4/10/60 18:22

    ข้อมูลนี้สามารถนำไปใช้ได้จริงค่ะเเละได้ความรู้

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ4/10/60 18:26

    ช่วยในการตัดสินใจเราดีขึ้นเลย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. มีข้อสงสัยสามารถปรึกษาได้เลยน๊าา

      ลบ
  3. เดี่ยวนี้เค้ารับนัรียนตั้งเเต่ชั้นไหนขึ้นไปค่ะ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น